ผู้เชี่ยวชาญชี้โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นโรคที่เกิดขึ้นง่ายแต่สามารถป้องกันได้ แม้ว่าคนส่วนมากจะรู้จักโรคนี้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังมีการเกิดโรคเหล่านี้อยู่ทุกวัน เพราะคิดว่าดูแลตนเองเป็นอย่างดี หรือเชื่อใจคู่รักของตนเองทำให้ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกัน จนเกิดผลกระทบทั้งต่อร่างกายและจิตใจ ดังนั้นเราควรตระหนักและเรียนรู้วิธีการป้องกันน่าจะช่วยทำให้ปัญหาเหล่านี้ลดลงได้
รศ.นพ.ภัทรภูมิ โพธิพงษ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่าเนื่องจากอันตรายต่าง ๆ รวมทั้งการรักษาที่ยากลำบากหรือไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ การป้องกันการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จึงนับว่ามีความสำคัญอย่างมาก แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ควรที่จะให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องดังกล่าว ขณะเดียวกันบุคคลทั่วไปก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่สามีหรือภรรยาของตน ทั้งนี้ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชายเเละผู้หญิง ก็ช่วยป้องกันตนเองจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
กลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
1. คนที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย หรือหญิงบริการ
2. คนที่มีคู่นอนมากกว่า 1 คน
3. คนที่มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนคนใหม่
4. ผู้ที่มีประวัติป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ใน 1 ปีที่ผ่านมา
อาการที่บ่งบอกถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ในผู้ชาย จะมีอาการปัสสาวะแสบขัด ขาหนีบบวม หรือเป็นฝี เจ็บปวดอวัยวะเพศ มีผื่น ตุ่ม แผล บริเวณอวัยวะเพศ มีเมือกใส หรือหนองไหลออกมา
ในผู้หญิง จะรู้สึกเจ็บ เสียวท้องน้อย ขาหนีบบวม หรือเป็นฝี เจ็บปวด คันอวัยวะเพศ มีผื่น ตุ่ม แผลบริเวณอวัยวะเพศ มีตกขาวสีเหลือง มีกลิ่นเหม็น
10 โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มักพบบ่อย
1. โรคเอดส์ (AIDS) โรคเอดส์เกิดจากการรับเชื้อ HIV เข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาวที่เป็นแหล่งสร้างภูมิคุ้มกันโรค ทำให้ภูมิคุ้มกันโรคลดน้อยลง จึงทำให้เชื้อโรคฉวยโอกาสแทรกซ้อนเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น เช่น มะเร็ง วัณโรค และสาเหตุการเสียชีวิตก็มักเกิดขึ้นจากโรคติดเชื้อฉวยโอกาสต่าง ๆ เหล่านี้ ที่จะทำให้อาการรุนแรง และเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
2. เริมที่อวัยวะเพศ (Genita Herpes Simplex Virus Infection) เกิดจากเชื้อไวรัส herpes simplex virus อาการที่มักพบคือปวดแสบบริเวณขา ก้นหรืออวัยวะเพศ มีผื่นเป็นตุ่มน้ำใส แผลหายได้เองใน 23 สัปดาห์ พร้อมจะกลับเป็นใหม่เมื่อร่างกายอ่อนแอ
3. แผลริมอ่อน (Chancroid) เกิดจากเชื้อ Haemophilus Ducreyi อาการที่พบคือเกิดแผลที่อวัยวะเพศ บวมและเจ็บ มักมีหลายแผล มีหนองที่ก้นแผล มีเลือดออกง่าย เวลาสัมผัสเจ็บปวดมาก
4. หนองใน (Gonorrhoea) โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Neisseria gonorrhoeae สำหรับโรคหนองใน สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
5. หูดข้าวสุก (Molluscum contagiosum) หูดข้าวสุกคือการเกิดตุ่มนูนบนผิวหนัง จะพบมากขึ้นในรายที่มีการติดเชื้อ HIV จำนวนตุ่มที่เกิดขึ้นอาจมีมากหรือน้อยขึ้นกับสภาพร่างกายของผู้ป่วย เกิดจากเชื้อไวรัส MCV ถ้าใช้เข็มสะกิดตรงกลางแล้วบีบดูจะเป็นหูดสีขาวคล้ายข้าวสุกจึงเรียกว่าโรคหูดข้าวสุกนั่นเอง
6. หูดหงอนไก่ (Condyloma Acuminata) ส่วนหูดหงอนไก่นั้นมีลักษณะเป็นติ่งเนื้ออ่อน ๆ สีชมพูคล้ายหงอนไก่ มักจะขึ้นตามอับชื้น เกิดจากไวรัส Human papilloma virus เป็นอันตรายมากหากผู้หญิงเป็นเวลาตั้งครรภ์เพราะจะทำให้หูดโตเร็วกว่าปกติ ถ้าไม่รีบรักษาทารกอาจติดเชื้อได้ขณะคลอด
7. หิด (Scabies) โรคหิดเป็นอีกหนึ่งโรคที่มักพบบ่อยสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน ลักษณะจะมีตุ่มน้ำใสและตุ่มหนองคันขึ้นกระจายตามร่างกาย มักมีอาการคันมาก ซึ่งเกิดจากตัวไร Sarcoptes scabei สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย มักพบตามง่ามนิ้วมือ ข้อศอก รักแร้ รอบหัวนม รอบสะดือ อวัยวะสืบพันธุ์ ข้อเท้า หลังเท้า ก้น
8. ซิฟิลิส (Syphilis) โรคนี้ถือว่าเป็นโรคที่อันตรายเพราะสามารถติดต่อยาวนานกว่า 2 ปี เกิดจากการติดเชื้อ Treponema pallidum ถ้าทิ้งไว้นานจะทำให้เกิดโรคต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นซิฟิลิสระบบหัวใจและหลอดเลือด ซิฟิลิสระบบประสาท เป็นต้น นอกจากนี้หากมีเชื้อซิฟิลิสระหว่างตั้งครรภ์ยังสามารถถ่ายทอดสู่ลูกได้ หรือที่เรียกว่า ซิฟิลิสแต่กำเนิด (Congenital syphilis)
9. โลน (Pediculosis Pubis) โรคนี้เกิดจากแมลงตัวเล็กที่เรียกว่า Pediculosis pubis มักทำให้มีอาการคัน เมื่อเกาจะทำให้เจ้าตัวเชื้อแพร่ไปยังบริเวณอื่นได้ ติดต่อได้จากการสัมผัสทางเพศกับผู้ป่วย หรือใช้กางเกงในร่วมกัน เพราะเจ้าแมลงตัวนี้สามารถไปเกาะตามที่อื่นได้ การรักษาสามารถซื้อยาทาได้ตามร้านขายยา สำหรับคนท้องหรือเด็กควรจะปรึกษาแพทย์
10. พยาธิช่องคลอด (Vaginal Trichomoniasis) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อโปรโตซัว Trichomonas vaginalis ผู้ป่วยจะมีอาการตกขาวผิดปกติ มีสีเขียวขุ่นหรือเหลืองเข้ม มีฟองอากาศและมีกลิ่นเหม็น เกิดการระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศ เจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ คันและแสบปากช่องคลอด
การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
1. ใส่ถุงยางอนามัย หากจะมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่แน่ใจว่ามีเชื้อหรือไม่
2. รักษาความสะอาดของร่างกายและอวัยวะเพศอย่างสม่ำเสมอ
3. ไม่เปลี่ยนคู่นอน ให้มีสามีหรือภรรยาคนเดียว
4. ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่ยังอายุน้อย เนื่องจากมีสถิติว่า ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยจะมีโอกาสติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูง
5. ตรวจโรคเป็นประจำทุกปี เพื่อหาเชื้อโรค แม้จะไม่มีอาการใด ๆ โดยเฉพาะคู่ที่กำลังจะแต่งงาน
6. เรียนรู้ ศึกษาอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
7. ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดือน เพราะจะทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่าย
8. ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หากจำเป็นให้สวมถุงยางอนามัย
9. ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่าย
Kommentare