เศรษฐกิจไทยตกวูบ หลังจากเกิดเหตุการณ์เรือล่มในจังหวัดภูเก็ต มีการยกเลิกการจองที่พักถึง 30-40% ผู้ประกอบการท่องเที่ยวธุรกิจทัวร์แจงเพิ่มมีธุรกิจนอมินีและกระแสลบในโซเชียลฉุดให้ยอดนักท่องเที่ยวลดลงกว่าครึ่งถึงสิ้นปี ด้านนักท่องเที่ยวชาวจีนยืนยันประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม ยังคงแนะนำให้เพื่อนมาท่องเที่ยวต่อไป
จากสถิติของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า ช่วง 6 เดือนแรกตั้งแต่เดือน มกราคม-มิถุนายนของปี 2561 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 19.48 ล้านคน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.46% โดยอันดับ 1 คือนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน 5.93 ล้านคน ขยายตัวเพิ่มเฉลี่ย 25.88% และสร้างรายได้คิดเป็นมูลค่ารวม 2.41แสนล้านบาท ขยายตัวเพิ่มเฉลี่ย 32.77% และคาดการณ์ว่าตลอดทั้งปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเมืองไทยไม่ต่ำกว่า 11 ล้านคนและทำรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 5.6 แสนล้านบาท แต่หลังเกิดเหตุการเรือล่มตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. - 31 ก.ค. 2561 จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงถึง 26% ยิ่งกว่านั้นมีการคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะลดลง 6.69 แสนคน และรายได้อาจหายไปถึง 3.7 หมื่นล้านบาทในสิ้นปี 2561 อีกด้วย
นายเสนีย์ ภูวเศรษฐาวร ประธานพื้นที่เขตภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย เปิดเผยถึงผลกระทบจากการเกิดอุบัติเหตุเรือล่มในครั้งนั้นว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ที่ผ่านมาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของภาคใต้ในปีนี้โดยภาพรวมขยายดีขึ้น 10% เมื่อถ้าเทียบจากปีที่แล้ว แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์เรือล่มเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ส่งผลให้ยอดการจองที่พักในภาคใต้ลดลงอย่างมาก โดยมีการยกเลิกการจองประมาณ 30 - 40% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาหลังจากเกิดเหตุการณ์ ไม่ใช่แค่ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตเพียงเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงเศรษฐกิจการท่องเที่ยวโดยรวมของประเทศอีกด้วย
นายเสนีย์ยังกล่าวต่ออีกว่าสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้จะเกิดจากอะไรก็ตามแต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการประสานงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ การใช้คำพูดหรือการกระทำที่ไม่เหมาะสมสามารถส่งผลกระทบขั้นรุนแรงต่อภาพลักษณ์ของผู้ประกอบการรวมถึงการท่องเที่ยวในประเทศไทย เนื่องจากในปัจจุบันกระแสโซเชียลรวดเร็วและรุนแรงมาก ผู้เสพข่าวสามารถเข้าถึงข่าวได้ตลอดเวลาจากทั่วทุกมุมโลกแต่คาดว่าเศรษฐกิจการท่องเที่ยวจะดีขึ้นในในไม่ช้า ถ้าหากมีการสร้างความเข้าใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน
นายจารึก สุกนา ผู้ประกอบการท่องเที่ยวธุรกิจทัวร์ จังหวัดกระบี่และจังหวัดภูเก็ตระบุว่า ผลกระทบที่เกิดจากเหตุการณ์เรือล่ม จังหวัดที่ได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดคือจังหวัดภูเก็ตเนื่องจากนักท่องเที่ยวหลักในจังหวัดเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนเมื่อข่าวถูกแพร่ออกไปจึงส่งผลทำให้นักท่องเที่ยวในภูเก็ตหายไปถึง 50% และรายได้จากการทำธุรกิจทัวร์ท่องเที่ยวก็หายไปเป็นประมาณ 50% เช่นกันในขณะเดียวกันจังหวัดกระบี่ไม่ได้รับผลกระทบมากอย่างที่คาดการณ์ไว้เพราะนักท่องเที่ยวหลักที่มาท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่มาจากอเมริกาและยุโรปเป็นส่วนใหญ่
นายจารึก กล่าวต่ออีกว่า ธุรกิจที่นำนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาท่องเที่ยวยังประเทศไทยนั้นเป็นลักษณะของทัวร์นอมินี คือธุรกิจตัวแทนอำพราง หรือนอมินี ที่อยู่ในรูปแบบของการจดทะเบียนการค้าโดยใช้คนไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แท้จริงแล้วเจ้าของธุรกิจคือต่างชาติ และยังมีเรื่องของการจ้างงาน ที่ไม่ใช่คนไทย รวมไปถึงอุปกรณ์ เครื่องมือทั้งหลายที่นำเข้ามา แทนที่จะใช้สินค้าไทย หรือสินค้าโอท็อปในการบริการลูกค้าในโรงแรม นอกจากนี้การจองที่พัก หรือเที่ยวบินมักจะผ่านเว็บไซต์ชื่อดังในต่างประเทศ แทนที่จะมีการจองผ่านเว็บไซต์หรือหน่วยของคนไทย โดยรายได้จากการท่องเที่ยวส่วนนี้จะย้อนกลับไปประเทศจีนโดยไม่ตกถึงแผ่นดินไทย ทำให้ประเทศไทยเกิดความสูญเสียในด้านทรัพยากรการท่องเที่ยวโดยไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ๆ ตอบแทนเลย
นางสาว หลัว ลี่ถิง นักท่องเที่ยวชาวจีน กล่าวถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ในช่วงนี้นักท่องเที่ยวรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยจึงทำให้มีการยกเลิกการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย ส่วนตัวยังมองว่าสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยสวยงามมาก และการเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยนั้นค่าใช้จ่ายไม่สูง ที่สำคัญคนไทยให้การต้อนรับดีและยิ้มเก่ง จึงอยากแนะนำให้เพื่อนๆมาเที่ยวประเทศไทยต่อไป
Comentarios